Cut Scene ม่านสีรุ้ง KRISYEOL CHAPTER 9 Call You Mine
CHAPTER 9
Call You Mine
อี้ฝานเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ชานเลี่ยโดนมอมเหล้าและถูกวางยา
แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งรอเวลาเท่านั้น ที่เขามาอยู่ในผับแห่งนี้
ไม่ใช่ความบังเอิญหรอก
“ถ่ายเก็บไว้หมดแล้วใช่มั้ยซูโฮ”
“ครับคุณอี้ฝาน”
“ดี! ฝากจัดการที่เหลือด้วย
ผมจะพาชาน...อ่า...จะพาเด็กคนนี้ออกไปจากที่นี่...คุณเสร็จงานแล้วก็กลับบ้านได้
วันนี้ขอบใจมาก”
“ครับ”
ซูโฮมองผู้เป็นนายด้วยความประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ที่มาตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจหลอกเด็กมาค้ากามของพู่อี้ชิงก็ให้เขาเป็นคนจัดการตลอด
ถ้าเด็กถูกมอมยาพูดไม่รู้เรื่อง ตาลอย ก็เขานี่แหละนำส่ง รพ. แต่นี่กลับลุยเอง
หรือเพราะว่าเพิ่งกลับจากต่างประเทศเลยอยากลองของ?
“ร้อน...ฮึก...ร้อนนน”
เด็กน้อยที่ไม่เคยรับรู้พิษสงของเหล้ามาก่อนในชีวิตเกลือกกลิ้งใบหน้าตัวเองไปกับพื้นโต๊ะกระจกเพื่อซึมซับความเย็น
“ไปกับผม” อี้ฝานฉุดข้อมือขาวให้ลุกขึ้น
แต่ชานเลี่ยก็ยังโยเย
ควักน้ำแข็งในแก้วเหล้าขึ้นมาอมดับไอร้อนวูบวาบที่มาจากภายในอยู่นั่น
สุดท้ายคนใจร้อนกว่าทนไม่ไหวเลยจับอุ้มพาดบ่าออกจากผับมาทั้งที่แก้วเหล้ายังคาอยู่ในมือเด็กดื้อ
“คุณ...คุณจะพาเลี่ยไปไหน...ปล่อยยย”
เด็กน้อยเหมือนจะมีอาการขัดขืนเพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นาน
เขาก็กลับคอพับคออ่อนลงไปอีก อี้ฝานจับร่างเด็กดื้อสอดเข้าไปในรถ ชานเลี่ยเงยหน้าขึ้นมองเพดานได้สักพักก็ยิ้มออกมา ชี้ไม้ชี้มือแบบเบลอๆ ตาลอยๆ
“ที่นี่ที่ไหนฮะ...กาแล็กซีเหรอ”
ชานเลี่ยหันมาจ้องชายหนุ่มแปลกหน้าที่ขโมยจูบเขาในผับ
ดวงตาคู่นั้นช่างคุ้นเคยเสียจนเด็กน้อยอดจะส่งรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ไม่ได้
ส่วนอี้ฝานนั้น อีกฝ่ายเรียกอาการนี้ของชานเลี่ยว่าเคลิ้ม
อีกซักพักพอยาออกฤทธิ์...อารมณ์อยากมีเซ็กซ์ของเด็กน้อยก็จะตามมาทันที
เขาต้องหาทางหยุดมัน...อี้ฝานไม่อยากให้ครั้งแรกระหว่างเขากับชานเลี่ยคือการล่วงเกิน...น้องไม่รู้สึกตัว...น้องไม่มีสติ...ท่องไว้อี้ฝาน
แต่เด็กที่คลานมาคร่อมอยู่บนตัวเขาตอนนี้ก็อ่อยโดยธรรมชาติเก่งซะเหลือเกิน
อ่อยแบบหน้าซื่อตาใส แก้มแดงๆ เต็มไปด้วยเลือดฝาด
และริมฝีปากเจ่อแดงที่เจ้าตัวขบกัดไว้อย่างต้องการบรรเทาความร้อนรุ่ม
“ร้อนนน
อยากได้น้ำแข็ง ขอน้ำแข็ง” เด็กดื้อหัวหมุนหาน้ำแข็ง
แต่ดันมาโดนจุดแข็งขืนตรงกลางลำตัวของอี้ฝานเข้าอย่างจัง
“นั่งนิ่งๆ นะครับ”
อี้ฝานพยายามดันตัวชานเลี่ยให้กลับไปตรงที่นั่งข้างคนขับอย่างเรียบร้อย
ตามด้วยการคร่อมตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เด็กไม่มีสติ
เหงื่อผุดพรายริมขมับของเด็กน้อยจนอี้ฝานต้องเช็ดให้ “เป็นเด็กดีสัก 10 นาที
แล้วพี่จะหาน้ำแข็งให้นะครับ”
คนขับดึงแก้วเหล้าผสมยาออกจากมือเด็กน้อยก่อนจะสาดมันออกไปนอกรถ
ยิ่งปล่อยให้ชานเลี่ยกินน้ำแข็งในแก้วนั้น ยิ่งมีแต่จะทำให้อาการหนักขึ้น
“อดทนนะครับชานเลี่ย”
เสียงทุ้มนุ่มแฝงความอ่อนโยนทำให้เด็กน้อยสงบลงได้ไม่ยาก อาจเป็นเพราะพื้นนิสัยโดยแท้จริง
ชานเลี่ยเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายอยู่แล้ว
.
.
มาเซราติโฉบเฉี่ยวสีดำทะยานขึ้นไปจอดเทียบทางเข้าคอนโดสูงตระหง่าน อี้ฝานโยนกุญแจรถหรูให้พนักงานก่อนจะอุ้มชานเลี่ยที่สติแทบไม่หลงเหลือเดินตัวปลิวขึ้นลิฟต์ไปโดยมี
Elevator Girl คอยช่วยเหลือ
“ไม่ไหวแล้ว...คุณ...คุณผมร้อน” ทันทีที่เปิดห้องได้ อี้ฝานก็ดันตัวชานเลี่ยเข้าห้องน้ำไป หากแต่เด็กดื้อกลับไม่ยอมเข้า
ชานเลี่ยจับมืออี้ฝานไว้พลางถามเสียงสั่น “คุ...คุณเป็นใคร...จะ...จะทำอะไรผม” ดวงตากลมหวานเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส
สุ้มเสียงที่เอ่ยออกมาดูน่าสงสารจับใจ “กลับบ้าน...บ้าน”
“คุณโดนมอมยาปลุก
ผมกำลังจะช่วยคุณไง” อี้ฝานตรงเข้าหาเด็กน้อยพยายามจะจับเปลื้องผ้า
แต่ชานเลี่ยกลับหวีดร้องลั่น
แถมยังตัวสั่นงันงกเพียงแค่เขาเผลอแตะโดนเนื้อตัวนุ่มนิ่มไปเพียงปลายนิ้วเท่านั้น
“ยะ...อย่าแตะตัวผม”
ชานเลี่ยเข่าอ่อนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
“อวดเก่ง...แค่ยืนยังจะไม่ไหวเลย”
อี้ฝานโถมตัวเข้ากอดร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้
พลันก็รู้สึกเหมือนกระแสอุ่นซ่านไหลเวียนไปทั่วร่างกาย “อยู่นิ่งๆ ถอดเสื้อผ้าออก”
“มะ...ไม่...คุณออกไปนะ...ผม...ไม่ไหวแล้ว”
เจ้าตัวหอบแฮ่กแล้วกุมส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวของตนไว้
และทันทีที่ชานเลี่ยเงยหน้าขึ้นสะบัดผมพลางเผยอริมฝีปากเพื่อผ่อนลมหายใจ อี้ฝานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาประคองใบหน้าหวานมาประกบจูบดูดดื่ม
พลางใช้ขาดันชานเลี่ยไปใต้ฝักบัว
กระแสน้ำเย็นรินรดที่ศีรษะและเนื้อตัวของคนทั้งคู่จนเปียกปอน
อี้ฝานใช้จังหวะนี้เปลื้องผ้าของทั้งตนและชานเลี่ยออกไปจนเนื้อตัวนุ่มนิ่มเปลือยเปล่า
เขาดันแผ่นหลังบางให้แผ่นอกขาวส่วนหน้าแนบชิดกับแผงอกแกร่งของตัวเอง เสียงแลกลิ้นจ๊วบจ๊าบดังลั่นห้องน้ำ
แม้ว่าคนเด็กกว่าจะจูบตอบเขาอย่างงุ่นง่านไม่ประสีประสา แต่ก็ไม่เหนือความควบคุมของอี้ฝาน
คนเป็นพี่ระดมจูบริมฝีปากอิ่มแดงจนบวมเจ่อกว่าเดิมเป็นที่น่าพอใจ
จึงหันกลับมาไล้ตอหนวดจางๆ ครูดไปตามลำคอขาวผ่อง
“อา~ ชานเลี่ย...หอมมาก”
“อะ...อ่า”
ฝ่ามือแกร่งลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียนแล้วเลือกทำรอยคิสมาร์กไปทั่วบริเวณ
ทุกครั้งที่เขาขบเม้มผิวเนื้ออ่อนไปยังจุดใดจุดหนึ่ง
ชานเลี่ยก็จะสั่นไปทั้งตัวพลางหนีบขาด้วยความเสียวซ่าน
“คะ...คุณ”
ผิวกายขาวเนียนขนลุกชันเพียงแค่ลมหายใจของอี้ฝานรินรด
ปลายนิ้วหยาบสะกิดเขี่ยยอดอกสีชมพูจนเต่งตึง
ก่อนจะอ้ารับเข้าไปไว้ในปากอย่างแผ่วเบา
“อ๊า!”
ยิ่งเรียวลิ้นชุ่มน้ำลายสลับสอดดันหัวนมชูชันมากเท่าไหร่
ชานเลี่ยก็ยิ่งเปล่งเสียงร้องมากเท่านั้น “สะ...เสียว”
“อยากให้พี่ทำอะไรชานเลี่ย”
อี้ฝานถามเสียงกระเส่า
ฝ่ายคนถูกถามก็ไม่มีสติจะรับรู้หรือยั้งคิดแล้วว่าอีกฝ่ายรู้ชื่อตนได้ยังไง
“ชะ...ช่วย...ชะช่วยผม...มันปวด...ตรงนี้”
นิ้วเรียววางทาบทับฝ่ามือกว้าง แล้วชักนำให้จับชิ้นส่วนน่ารักของตนเอง
ใบหน้าหวานก้มหน้าแทบชิดอกเพราะความเขินอาย แต่นาทีนี้อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้ว
อี้ฝานอุ้มคนน่ารักไปวางตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าเบียดแทรกตัวไปตรงกลางหว่างขาเด็กน้อย
ทันทีที่เรียวขายาวอ้าออก ชานเลี่ยน้อยสีชมพูสุขภาพดีที่บวมเปล่งหัวเยิ้มน้ำใสตั้งแต่ยังไม่ทันแตะต้องก็ชี้โด่เข้าที่หน้า
ทำให้อี้ฝานอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
“สวยมากชานเลี่ย..."
อี้ฝานเงยหน้าขึ้นมองเด็กน้อยที่กำลังเชิดหน้าคราง
ขณะที่ตนค่อยๆ อ้าปากรับส่วนน่ารักนั้นเข้าไป
ริมฝีปากหนารูดรั้งท่อนเนื้อหวานหอมด้วยความอิ่มเอม
“อะ อ่า~” ชานเลี่ยส่งเสียงครางออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่
มันเสียวซ่านแทบขาดใจ
และภาพที่เด็กน้อยน่ารักของอี้ฝานในวัยแรกรุ่นบิดกายสะท้านคลอด้วยท่วงทำนองน่าหลงใหล
ก็ติดอยู่ภายในหัวของเขา
แม้กระทั่งในยามลืมตาและหลับตา...ชานเลี่ยของพี่...น้องคือทุกสิ่งทุกอย่างของพี่...ที่รัก...
จ๊วบ...จ๊วบ
“คะ...คุณ” เด็กน้อยพยายามดันตัวอี้ฝานให้ออกห่าง
เมื่อเดินทางมาจนถึงสิ่งที่เรียกว่าจุดจบ “อะ...ออกไป...” มือเล็กทิ้งกำปั้นทั้งต่อยทั้งทุบ
แต่อี้ฝานกลับเร่งรูดรั้งเข้าออกเป็นจังหวะรัวเร็วจนชานเลี่ยทำได้เพียงหอบสะท้านจิกกำไหล่แกร่งนั้นไว้
“อ่า~ อ๊า~”
และปลดปล่อยน้ำหวานสีขาวขุ่นออกมาในที่สุด
ใบหน้าหวานซานซบลงที่ซอกคอแกร่งก่อนจะผ่อนลมหายใจร้อนๆ
อี้ฝานกลืนส่วนหนึ่งลงไป แต่อีกส่วนก็ประคองใบหน้าหวานนั้นให้โน้มลงมารับจูบจากเขา
“อื้อ”
เด็กน้อยที่ถูกดึงลงจากเคาน์เตอร์กำลังมัวเมากับจูบจนไม่รู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมกำลังคืบคลานเข้ามาในตัวอย่างเชื่องช้า
อี้ฝานสอดนิ้วเปื้อนคราบน้ำคาวบางส่วนเข้าไปในช่องทางสีหวาน
“อะ...อึก!...เจ็บ” ชานเลี่ยเกร็งตัวทันที
หยาดน้ำใสเอ่อคลอแล้วหยดลงจากทางหางตา “คุณ...ผมเจ็บ...หยุดเถอะ”
“อีกนิดนะครับ
ทนอีกนิด”
“มะ...ไม่”
เด็กน้อยส่ายหน้าหนีลูกเดียว พลางยกมือขึ้นไหว้ “ฮือ...ยะ...อย่าทำผมเลยนะฮะ”
ยิ่งดวงตาพร่างพรายเหมือนดาวบนฟ้ามองเขาอย่างอ้อนวอน คนอย่างอี้ฝานจะทำอะไรได้
“ยังอยากอยู่มั้ยครับ”
อี้ฝานถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่พอเห็นน้องส่ายหน้าว่าไม่อยากแล้ว
ก็แปลว่ายาหมดฤทธิ์พอดี ชานเลี่ยคือโลกทั้งใบของเขา เมื่อน้องบอกว่าไม่ก็คือไม่
อี้ฝานอุ้มชานเลี่ยไปทำความสะอาดตัวในอ่างอาบน้ำเสร็จแล้วพาไปวางบนเตียง
น้องผล็อยหลับไปเพราะหมดแรงตั้งแต่ตอนถูสบู่...ใช่สิ...สบายตัวแล้วนี่...เขานั่งมองหน้าชานเลี่ยด้วยแววตาอ่อนโยน ทัดผมที่ตกลงปรกหน้าให้ ก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไปช่วยตัวเอง
แค่จินตนาการภาพน้องนอนน้ำตาเอ่อคลอร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างก็เล่นเอาซะแตกไปสามน้ำ
คนลามกเดินออกจากห้องน้ำเพื่อพบกับภาพที่จะขำก็ขำไม่ออก
เด็กอะไรโตป่านนี้ยังนอนดิ้นจนตกเตียง เจ็บเอวมากมั้ยนั่น
อี้ฝานในสภาพเนื้อตัวเปลือยเปล่าเดินมาอุ้มชานเลี่ยขึ้นไปวางบนเตียงดีๆ
พลางสอดตัวเข้าไปหาไออุ่นจากเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมกรุ่นแบบมีฟีโรโมนเฉพาะตัว
อี้ฝานรอเวลานี้มานานแล้ว
ดวงตาคมสำรวจร่องรอยรักสีแดงที่แต่งแต้มบนเนื้อตัวขาวเนียน ชานเลี่ยยิ่งโตยิ่งสวย
เห็นจากในรูปที่ซื่อชุนคอยแอบถ่ายส่งมาให้ตลอดก็ว่าสวยแล้ว
มาเจอตัวจริงยิ่งสวยกว่าล้านเท่า สวยซะจนเขาอดใจไม่ไหวเลย
ริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปทั่วหัวไหล่นวลเนียนด้วยความรัก
ฝ่ายเด็กขี้อ้อนก็ซุกตัวเขาหาอ้อมกอดที่ต้องการมานาน อี้ฝานหัวเราะเสียงแผ่ว
จุมพิตตรงกลางหน้าผากอีกครั้ง ปิดท้ายด้วยการแทะเล็มปากอิ่มสีเชอร์รี่ไปเรื่อยๆ
“ฝันดีนะครับ
เด็กดีของพี่”
.
.
ชานเลี่ยตื่นขึ้นมาเช้าอีกวันด้วยอาการมึนหัวขั้นสุด
ดวงตากลมค่อยๆ ปรือขึ้นเตรียมรับแสง และพอขยับตัวเท่านั้น ความเจ็บแปลบที่สะโพกก็แล่นปลาบขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญ
“ตื่นแล้วเหรอ? มากินข้าวกัน”
อี้ฝานในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ
ไม่สนอาการอ้าปากค้างอย่างช็อกๆ ของเด็กน้อยที่อยู่บนเตียงเลย
“คะ...คุณ”
ชานเลี่ยมองคนแปลกหน้าสลับกับมองตัวเองแล้วก็ต้องหวีดร้อง
เมื่อเนื้อตัวเขาไม่ต่างจากชีเปลือยดีๆ นี่เอง “ระ...เรา”
เด็กน้อยกุมขมับพยายามทบทวนความจำ แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้เลยสักนิด เว้นซะแต่ภาพตอนตัวเองครวญครางอยู่ในอ้อมกอดกำยำ...สุดท้ายก็รบเร้าให้คนแปลกหน้าที่เผลอมีอะไรกันพากลับบ้านแบบไม่แตะต้องอาหารใดๆ
สักคำ
ผ่านมาครึ่งทางระหว่างอยู่บนรถ...ในที่สุดเด็กที่เงียบมาตลอดทางก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น
“ผมผิดเองครับ...ผมเมาไม่รู้เรื่อง”
ชานเลี่ยฝืนใจหันไปมองหน้าคนเปิดความบริสุทธิ์ตนชัดๆ
เขามั่นใจว่าตัวเองต้องเสียมันไปแล้วแน่ๆ รอยรักเต็มตัวขนาดนั้น แถมอาการเจ็บสะโพก
และแสบที่ช่องทางหลังก็ยังตามหลอกหลอนเขาจนถึงตอนนี้
“ผมขอให้คุณลืมมันไปได้มั้ยครับ ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน”
“ไม่ได้!”
อี้ฝานเถียงเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะครับ
ก็แค่วันไนท์สแตนด์”
“คนอย่างผมไม่รู้จักคำนั้น
ผมได้คุณแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะออกไปจากชีวิตผมง่ายๆ”
“ผมขอแค่ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอครับ
เถอะนะ” ชานเลี่ยอ้อนวอนพลางจับแขนชายแปลกหน้าไว้
“ไม่ได้!!!”
นาทีสุดท้ายของชานเลี่ยหมดลงพร้อมกับที่อี้ฝานจอดรถเทียบหน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่
“คุณไม่เปลี่ยนใจเหรอครับ
เลิกยุ่งกับผมเถอะ”
“รวยขนาดนี้ เลิกก็โง่ดิ”
อี้ฝานแกล้งหยอกเด็กช่างตื๊อ ถ้าชานเลี่ยไปทำหน้าอ้อนแบบนี้ใส่คนอื่น เขาต้องหึงตายแน่ๆ
“ผมเป็นแค่คนรับใช้ของคุณๆ
ในบ้านหลังนี้เท่านั้น”
“เลิกพูดมาก แล้วเตรียมตัวมีผมอยู่ในชีวิตได้เลยคนสวย”
อี้ฝานนัยน์ตาวูบไหวแค่เพียงเห็นน้ำตาของชานเลี่ย
แต่เขาก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน หลังจากนี้เขาคงต้องเตรียมใจกับการถูกน้องเกลียดชุดใหญ่แล้วล่ะ
.
.
กลับไปอ่านต่อที่เด็กดีนะคะ
เอาจริง! บทนำที่บอกว่าอี้ฝานเป็นผู้รักษาและทำลาย
ง่ายๆ ก็คือทำลายความบริสุทธิ์ของน้องเลี่ยนี่แหละค่ะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เพราะพี่แกรักน้องมาก
นี่เฉลยให้แล้วนะ ทั้งหมดนี้แค่ออเดิร์ฟ ยังไม่ถึงของจริง พี่แกให้เกียรติน้องอยู่
เอิ่ม! นี่ขนาดให้เกียรติยังช้ำไปทั้งตัว ปล.NC แต่งยากจริงๆ นะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น